top of page
Pokpong Pothikhun

จมูกเบี้ยว จมูกทะลุ ติดเชื้อ ปัญหาต่างๆในการเสริมจมูกป้องกันได้

อัปเดตเมื่อ 20 พ.ย. 2563


หลายคนคงเห็นคนรอบตัวที่เสริมจมูกแล้วมีปัญหาจมูกเบี้ยว เอียง ปลายบางใส ใกล้ทะลุ หรืออาจจะประสบพบเจอมากับตัวเอง ที่นี่ปัญหาหลังการเสริมจมูกมีอะไรอีกบ้าง และป้องกันได้อย่างไร?


ภาวะแทรกซ้อนหลังการทำจมูกนั้นถ้าจะให้พูดกันจริงๆ มีอยู่มากมายเล่าทั้งหมดก็คงจะเบื่อกันไปก่อน ผมแบ่งง่ายๆป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวกับความสวยงาม และอื่นๆที่ไม่ได้เกี่ยวกับความสวยงาม เช่น การติดเชื้อ หรือภาวะแทรกซ้อนหลังทำที่เกี่ยวกับการรบกวนทางเดินหายใจ ในบทความนี้คงจะพูดถึงภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับความสวยงามเป็นหลักแล้วกันนะครับ


 

อย่าลืมรับชมภาพเคสรีวิวได้ดีที่ >>> รวมภาพรีวิวเคสปกป้องคลินิก

 

การติดเชื้อ

การติดเชื้อหลังจากการผ่าตัดทุกชนิดสามารถเกิดขึ้นได้ ทั้งจากระหว่างการผ่าตัด การดูแลรักษาตัว หรือ แม้กระทั่งการตัดไหม ที่นี้เริ่มแรกผมอยากให้เข้าใจก่อนเลยว่า จากอากู๋บอกว่า อัตราการติดเชื้อในการทำจมูกอยู่ที่ 0-15% ขึ้นกับแต่ละงานวิจัย นั่นก็หมายความว่า ในคนทำจมูก 100 คน มีคนที่มีโอกาสติดเชื้อได้ 0-15 คน ที่นี่เราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่า เมื่อไหร่จะรู้ว่ามีการติดเชื้อ? อาการที่บ่งบอกว่ามีการติดเชื้อก็คือ


1. อาการบวมเป็นๆหายๆ

2. มีของเหลวหรือหนองไหลจากแผลผ่าตัด มีกลิ่นเหม็น แผลไม่แห้งหลังการผ่าตัด หรือร่วมกับ มีอาการบวมที่แผลผ่าตัด หรือมีตุ่มหนองที่แผลผ่าตัด

3. มีอาการบวม แดง ร้อน มากขึ้นบริเวณจมูก หลังจากที่อาการบวมหลังทำจมูกหายดีแล้ว อาจจะมีไข้หรือไม่มีไข้ร่วมด้วย


ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อก็มีหลากหลายครับ อาจจะเกิดจากตัวคนไข้เอง เช่น สูบบุหรี่ มีโรคประจำตัวอยู่เดิม ประวัติการฉีดสารเหลวที่จมูกก่อนการผ่าตัด การดูแลแผล หรืออาจจะเป็นที่สถานพยาบาล หรือเคสที่มีความยากในการผ่าตัด ใช้เวลาผ่าตัดนาน ก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มากขึ้นเช่นกัน


แล้วถ้ามีอาการติดเชื้อที่ว่านี้แล้วจะทำอย่างไร? จะกินยาฆ่าเชื้อ หรือฉีดยาฆ่าเชื้อจะหายมั้ย คำตอบคือ อาจจะดีขึ้นแต่ก็เป็นแค่ชั่วคราว ถ้ายังมีซิลิโคนอยู่โอกาสที่เชื้อจะหมดไปจากยานั้นยากครับ ยังไงก็ตามก็จำเป็นต้องถอดซิลิโคนนั้นแล้วพักอย่างน้อย 6 เดือน ไม่มีทางเลือกอื่น


ปลายจมูกแดง หรือ ใส สัญญานใกล้ทะลุ


เนื่องจากการเสริมจมูกด้วยซิลิโคน เป็นเทคนิคยอดฮิตในประเทศไทยขณะนี้ ร่วมกับเทรนสโลปปลายพุ่งแบบสาวเกาหลี แต่ด้วยที่พื้นฐานจมูกคนไทย เป็นจมูกที่ดั้งไม่สูง ผิวหนังยืดหยุ่นได้น้อย และจมูกค่อนข้างสั้นซะเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวเพื่อให้ได้ตามความต้องการของคนไข้ จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากกกก


โดยส่วนใหญ่การเสริมจมูก ผมจึงมักจะแนะนำให้ใช้เทคนิคอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อช่วยให้ผิวหนังบริเวณปลายจมูกไม่ตึงจนเกินได้ เพราะไม่เช่นนั้นอาการปลายจมูกแดง ใส จะตามมาในเวลาอันใกล้ บางคนไม่ต้องรอเป็นปีๆ เพียง 1 เดือนหลังทำก็จะพบว่ามีอาการดังกล่าวนี้ได้แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าไม่แน่ใจว่า ปลายเราแดงหรือใสหรือบางขนาดไหน แนะนำให้พบแพทย์ที่ทำการรักษาตามนัดอย่างต่อเนื่องจะดีกว่าครับ


เบี้ยวเอียง

เรื่องเบี้ยวเอียงนี่เป็นของคู่กันสำหรับการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเลย จากที่รีวิวงานวิจัยต่างๆมาคร่าว โอกาสเบี้ยวเอียงจากซิลิโคนมีได้ถึง 5-15% เลยทีเดียว ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เหตุผลหลักๆเลยคือขาดการพูดคุยทำความเข้าใจที่ดีก่อนการผ่าตัด


ก่อนการผ่าตัดแพทย์ควรประเมินให้ดีว่าจมูกมีความคดอยู่มากน้อยเพียงใด ถ้ามีความคดมาก แล้วคนไข้ยังยืนที่จะเสริมด้วยซิลิโคน โดยการเสริมแบบปิด คนไข้ต้องรับรู้โอกาสที่จะเอียงสูง มากๆๆๆๆๆๆ เนื่องจากแกนจมูกคดอยู่เดิม การเสริมด้วยซิลิโคนก็ได้จะได้ความตรงในระดับนึง คือสังเกตุว่าถ้าเงยหน้าแล้วปลายซิลิโคนอยู่ตรงกลางกับปลายจมูก และถ้ามองหน้าตรงซิลิโคนบริเวณระหว่างตาสองข้างอยู่ตรงกลางระหว่างตาทั้งสองข้าง ถ้ามีครบ 2 ข้อนี้ ก็ถือว่าตรงแล้วครับ ถ้าเห็นว่าเอียงก็แสดงว่าแกนของเราเอียงครับ ซึ่งมีความต้องการให้ตรงมากกว่านี้คงต้องทำด้วยวิธีอื่นคือการทำแบบเปิดเพื่อปรับโครงสร้าง อาจจะแนะนำให้ใช้กระดูกซี่โครงมาดามแกนจมูกให้ตรงมากยิ่งขึ้น หรืออาจจะต้องตอกฐานร่วมด้วย


ถ้าคนไข้ยืนยันที่จะเสริมด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียวทั้งๆที่อธิบายแล้ว อาจจะด้วยเหตุด้านงบประมาณหรืออะไรก็แล้วแต่ คนไข้ต้องยอมรับตรงจุดนี้ให้ได้ว่ามีโอกาสที่จะไม่ตรง 100%


แผลเป็น

การผ่าตัดกับแผลเป็นเป็นของคู่กัน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าผ่าแล้วต้องเป็นแผลน่าเกลียดๆ เสมอไป สำหรับแผลเป็นที่ได้บ่อยสำหรับการทำจมูกเลยคือ แผลเป็นจากการตัดปีกจมูก และ แผลเป็นที่หูหลังจากการผ่าเพื่อเอากระดูกอ่อนที่ใบหู


แผลเป็นที่น่าเกลียดมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ แผลเป็นนูน และ คีลอย แล้วมันต่างกันอย่างไรละ คีลอยมักจะเกิดขึ้น 3-6 เดือนหลังการผ่าตัด มีลักษณะ สีชมพูๆ มีขนาดและความกว้างเกินขอบเขตของแผลผ่าตัด อาจจะมีอาการคันหรือไม่คัดร่วมด้วย ซึ่งการจะหลีกเลี่ยงแผลเป็นดังกล่าวก็ขึ้นกับตัวแพทย์เองกับ ตัวคนไข้อีกส่วนนึง ถ้าคนไข้มีประวัติคีลอยซัดเจน เป็นสิวบริเวณกรอบหน้า หน้าอก หรือ หลัง แล้วมีหลังจากหายมี คีลอยขึ้นชัดเจน อาจจะต้องแจ้งแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด


ส่วนการรักษา ก็มีได้ตั้งแต่วิธีนวด ทายากลุ่มพวก silicone gel หรือ moisturizer หลีกเลี่ยงแสงแดด การฉีดสเตียรอยด์ หรือไปจนถึงการผ่าตัด


กระดูกอ่อนปลายจมูกผิดรูป


เรื่องนี้เกิดขึ้นเป็นประจำจากการเสริมจมูกด้วยซิลิโคน ในบางกรณีอาจจะพบว่ามีตุ่มนูนภายในรูจมูก บางกรณีก็พบว่าอัตราส่วนของปลายจมูกเปลี่ยนไป เช่น ปลายจมูกโด่งขึ้นแต่รูจมูกยังแบนเช่นเดิมคืออัตราส่วนความสูงของปลายจมูกต่อ รูจมูกควรเป็น 1:2 หรือใกล้เคียง (ตามรูป) เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้เกิดมาจากกระดูกอ่อนปลายจมูกถูกกดทับด้วยหัวของซิลิโคน


ปลายจมูกขาดเลือดมาเลี้ยง

เนื่องจากผิวหนังที่ห่อหุ้มร่างกายเราทุกบริเวณ จะต้องมีเส้นเลือดน้อยใหญ่ต่างๆมาเลี้ยงเพื่อนำมาเอาอาหารและอ๊อกซิเจนมาให้ผิวหนังเหล่านั้น การเสริมจมูกโดยเฉพาะแบบโอเพ่นซึ่งต้องมีการตัดผิวหนังเผื่อเปิดแผลตรงกลางนั้น ก็จะเป็นการตัดที่โดนเส้นเลือดที่มาเลี้ยงปลายจมูกแขนงนึงไปด้วยเสมอ ซึ่งจะยังเหลือเส้นเลือดอีกแขนงนึงจากด้านข้างจมูก ที่มาเลี้ยงปลายจมูก คุณหมอก็จะพยายามรักษาเส้นเลือดนั้นเอาไว้อย่างดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขาดเลือดเกิดขึ้น


อย่าลืมรับชมภาพเคสรีวิวได้ดีที่ >>> รวมภาพรีวิวเคสปกป้องคลินิก

ดู 9,090 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Commentaires


bottom of page